เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๙ ก.พ. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันสำคัญในพระพุทธศาสนาไม่ใช่วันสำคัญของบุคคล ไม่ใช่วันสำคัญของใคร มันเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมนะ ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ต้องสอนใครก็ได้ วิมุตติสุขๆ สุขในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันล้นหัวใจอยู่แล้ว ถ้าล้นหัวใจอยู่แล้วไม่ต้องสอนใคร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มีความสุขไง

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ การรื้อสัตว์ขนสัตว์ เพราะการสร้างอำนาจวาสนาบารมีมา การสร้างอำนวจวาสนาบารมีมา ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย อันนั้นเป็นสัจธรรมเป็นความจริง ถ้าเป็นสัจธรรมเป็นความจริง วันนี้เผยแผ่พระพุทธศาสนามา เวลาเผยแผ่พระพุทธศาสนา นี่วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ถ้าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาไม่ใช่วันสำคัญของบุคคล ถ้าไม่ใช่วันสำคัญของบุคคล เห็นไหม

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมๆ วันนี้วันมาฆบูชา เวลาเผยแผ่ธรรมๆ มา รื้อสัตว์ขนสัตว์ ๑,๒๕๐ องค์เป็นพระอรหันต์เป็นความจริงๆ เป็นประกาศสัจจะความจริงในพระพุทธศาสนาเราไง วันสำคัญในพระพุทธศาสนามันมีความสำคัญจริงๆ

พอมีความสำคัญจริงๆ ขึ้นมา รัฐบาลเขาบอกเลย ให้ทำบุญที่วัดใกล้บ้านๆ

การไปทำบุญกุศล ประเพณีวัฒนธรรม เราจะได้วัฒนธรรมของเราขึ้นมา เพราะเราศึกษาใช่ไหม วัฒนธรรมมา วัฒนธรรมของชาวพุทธใช่ไหม นี่ไง สร้างประเพณีวัฒนธรรมไว้ให้ฝรั่งมันมาเที่ยว ให้ฝรั่งมันมาดูแล

มนุษย์ มนุษย์ชาวพุทธไง มนุษย์ชาวพุทธเขามีประเพณีวัฒนธรรมแบบนี้ เขามีประเพณีวัฒนธรรมแบบนี้ไง นี่เราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราศึกษาในระดับของประเพณีวัฒนธรรม เราศึกษามาด้วยประเพณี เราศึกษามาด้วยทฤษฎีไง

ทฤษฎีๆ ๙ ประโยค ๑๐ ประโยคขึ้นมา ศึกษามาแล้ว ศึกษามาสมาธิก็ไม่รู้จัก ยิ่งภาวนามยปัญญาไม่ต้องพูดถึง ภาวนามยปัญญานี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะอะไร เพราะพระพุทธศาสนา ศาสนาแห่งปัญญาๆ แล้วปัญญาอะไร

ถ้าปัญญามันเป็นปัญญาความจริง ปัญญาความจริงมันเป็นการยืนยัน วันนี้วันมาฆบูชา ๑,๒๕๐ องค์นี่นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอหิภิกขุบวชให้เอง สอนเอง พอสอนเองขึ้นมา เวลาเทศน์ธัมมจักฯ ขึ้นมา “พระอัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ พระอัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ”

มันเป็นความซึ้ง ซาบซึ้งน้ำใจของคน คนคนหนึ่งได้ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ค้นคว้าขึ้นมาตามความจริงอันนั้น เทศนาว่าการขึ้นมาแล้วมันมีคนทำได้จริง มันมีคนทำได้จริงตามนั้น พอทำได้จริงตามนั้น ด้วยความภูมิใจ “อัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ” นี่รำพึง เวลาเทศนาว่าการไป

วันนี้วันสำคัญในพระพุทธศาสนา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนามีความสำคัญอยู่แล้ว ไม่มีวันสำคัญของบุคคลหรอก

ไอ้พวกเราไอ้พวกขี้ครอก ทำสิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ของเราขึ้นมาได้ ถ้าไม่เป็นประโยชน์ขึ้นมาได้ ที่เราไปวัดไปวากัน ไปวัดไปวาไปทำบุญกุศลของเรา ทำบุญกุศลของเราเพื่ออำนาจวาสนาของเรา

ถ้าอำนาจวาสนาของเรา ถ้าจิตใจมันเปิดขึ้นมา จิตใจมันเปิดขึ้นมามันขอฟังบ้าง หัวใจ ขอให้มันได้รับรู้บ้างๆ เวลามันสุขมันทุกข์ขึ้นมา เวลากิเลสมันบีบคั้นหัวใจของคน กิเลสมันบีบคั้นหัวใจของคนน่ะ

หลวงตาท่านพูดประจำ กิเลสมันขี้ แล้วมันไปแล้ว เอ็งเพิ่งรู้จักว่าทุกข์ไง

กิเลสมันขี้ไว้แล้ว ไอ้ทุกข์ๆๆ ที่บ่นว่าทุกข์ว่ายากมันมาจากไหน มันต้องมีที่มาที่ไปทั้งนั้นน่ะ พระพุทธศาสนาสอนต้องมีเหตุมีปัจจัยไง ไม่มีสิ่งใดลอยมาจากฟ้า ไม่มีของฟรี ไม่มี สิ่งที่กระทำๆ ที่เราทำกันนี่เราเสียสละ สิ่งที่เราเสียสละขึ้นมา เสียสละเพื่ออะไร ก็เพื่อหัวใจดวงนี้ไง มันละเอียดนะ มันละมุนละม่อมนะ มันเป็นกุศลน่ะ

บุญมันคืออะไร สิ่งที่เป็นวัตถุมานี่ เราปากกัดตีนถีบ เราแสวงหามาด้วยความทุกข์ความยากของเรานะ เรามาเสียสละทำไม

นี่ไง มันละมุนละม่อมเข้าไปในหัวใจดวงนั้นน่ะ เจตนา ปฏิคาหก ผู้ให้ ให้เพื่ออะไรล่ะ ให้เพื่อหัวใจของกูนี่ไง ให้เพราะหัวใจ หัวใจที่มันทุกข์มันยากนี่ แล้วหัวใจที่มันทุกข์มันยากมันจะแสวงหาอย่างใด มันจะแก้ไขอย่างใดล่ะ หัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือๆ นะ

แล้ววันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา แล้วก็วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ แล้วมันก็โม้กัน “ว่างๆ ว่างๆ”

อวกาศมันว่าง สิ่งที่มันเป็นความว่างๆ ความว่างมันไม่มีชีวิตจิตใจไง อวกาศมันไม่เคยทุกข์เคยร้อนกับใคร ขยะอวกาศเต็มไปหมดเลย อวกาศมันไม่ประท้วงนะว่าพวกมึงส่งดาวเทียมขึ้นมาแล้วก็มาเป็นขยะอยู่บนอวกาศในบ้านกูนี่ อวกาศมันก็ไม่ประท้วง มันก็ไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น เพราะมันไม่มีชีวิตจิตใจไง แต่มนุษย์มีกายกับใจๆ

เวลากายกับใจขึ้นมา จิตนี้สำคัญมหาศาล นี่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ ผู้ที่มีอำนาจวาสนาเขาแสวงหา เขาขวนขวายของเขา ถ้าแสวงหาขวนขวายของเขา เห็นไหม

นี่ไง ทางโลกก็เป็นประเพณีวัฒนธรรม ประเพณีวัฒนธรรมมันก็เป็นวัฒนธรรมเท่านั้นน่ะ ศึกษาวิธีการไง แล้วก็คุยโม้ คุยโม้กันที่วิธีการประพฤติปฏิบัติ คุยโม้กันที่วิธีประพฤติปฏิบัติแต่มันไม่มีสัจจะความจริงไง

นี่ไง เวลาพระที่ไปลาหลวงตาว่าจะลาไปเผยแผ่ธรรม

ท่านถามเลย “งานของท่านเสร็จแล้วหรือ งานของท่านเสร็จหรือยัง งานของท่านน่ะ”

นี่ไง ถ้างานของท่าน เห็นไหม ประเพณีวัฒนธรรม ประเพณีวัฒนธรรมมันเป็นกระพี้เป็นเปลือก ต้นไม้ถ้ามันมีแก่น มันไม่มีกระพี้ไม่มีเปลือก ต้นไม้เลาะเปลือกมันออก ตายหมดน่ะ

กระพี้กับเปลือกมันก็เป็นประเพณีวัฒนธรรมสังคมของเราใช่ไหม สังคมของชาวพุทธ พระพุทธศาสนาเลอค่ามาก เลอค่ามากมันแวววาวมาก แวววาวขึ้นมาในสัจธรรมอันนั้นน่ะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบพระ เขาถาม ลูกศิษย์ถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบอะไร

“เรากราบธรรม เรากราบธรรม”

สัจธรรมอันนั้นน่ะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังอลังการน่ะ มันเลอค่า เลอค่านั่นไง

นี่ไง เวลาพระที่จะไปเผยแผ่ธรรมๆ ไปลาหลวงตาไง

“งานของท่านเสร็จหรือยัง งานของท่าน”

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนานะ วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันสำคัญของพระพุทธศาสนาแต่ไม่ใช่วันสำคัญของเรา เพราะเรามันขี้ทุกข์ขี้ยาก เรามีแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากบีบคั้นหัวใจของเรา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

อุบาสก อุบาสิกา ฝากไว้ๆๆ ฝากไว้แล้วก็เขวี้ยงทิ้ง มันไม่สนใจ มันไม่ค้นคว้า ไม่ขวนขวาย มันไม่ทำอะไรเลย มันไม่ได้อะไรเลย ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้อะไรไง ถ้าว่างๆ ว่างๆ เอ็งก็ได้ว่างๆ ไง เอ็งได้ขี้ลอยน้ำไง เอ็งได้อะไรมา

แต่พระพุทธศาสนานะ ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์มาจากไหน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเทศนาว่าการมาทั้งนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปขุดค้นมาทั้งนั้น ไปขุดคุ้ยขึ้นมาจากกิเลส ไปหยิบฉวยมา ลากมาจากกิเลสในใจของเขา

ในใจของเขาไง เขาถึงได้ซาบซึ้งในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้เขากตัญญูกตเวที เขาไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้ไม่ได้นัดไม่ได้หมาย ไม่มีสิ่งใดเลย เขาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะอะไร

เพราะหัวใจดวงนั้นไง เพราะสัจจะความจริงอันนั้นไง ถ้าสัจจะความจริงอันนั้น แล้วสัจจะความจริงอันนั้น นี่วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสำคัญจริงๆ

แต่พวกเราไม่สำคัญหรอก พวกเราไอ้มนุษย์ไอ้ขี้เหม็นไม่มีความสำคัญ ยิ่งสาวกสาวกะที่อ้างอิงตัวเองว่ามีความสำคัญ...ไม่สำคัญเลย

ไม่สำคัญเพราะว่า หลวงปู่มั่น วลาหลวงปู่มั่นนะ เวลามาฆบูชา หลวงตาท่านพูดเอง ท่านลาไปวิเวก หลวงปู่มั่นบอกว่า “ถ้าออกไปคราวนี้มันข้ามมาฆะนะ มาฆะให้ทำคนเดียวนะ ให้ทำคนเดียว ให้ทำมาฆะคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องทำมาฆะกันในท่ามกลางสงฆ์”

เราบวชใหม่ๆ นะ เราออกวิเวก วันโกนวันพระเนสัชชิก ไม่นอนเลย วันธรรมดาเราก็ภาวนากันอยู่แล้ว ยิ่งวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานะ นี่ไง เดินจงกรมถวายพระพุทธ เดินจงกรมถวายพระธรรม เดินจงกรมถวายพระสงฆ์

หลวงปู่ขาวเดินจงกรม ๓ เส้น ถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทั้งๆ ที่ท่านเป็นพระอรหันต์นะ นี่คนจะมีความสำคัญ สำคัญตรงนั้น สำคัญที่เขามีสติเขามีปัญญา แล้วสติปัญญาที่อันละเอียดอ่อน

ไม่ใช่เอาบุญมาหลอกล่อกัน นี่ไง “เขียนเสือให้วัวกลัวๆ”

ไม่ต้องเขียน มึงไม่เคยเห็นหรอก วัวก็ไม่รู้จัก จะไปเขียนอะไรให้กลัว ไม่ต้องเขียน ตายลงนรกหมด ไม่ต้องเขียน มันเป็นความจริงของมันอยู่วันยังค่ำอยู่แล้ว ไม่ต้องเขียนเสือให้วัวกลัว

นี่ก็เหมือนกัน ความละเอียดอ่อนของมัน ความละเอียดอ่อนของคนที่มีสัจจะมีความจริงเขารื้อค้น เขาขวนขวายของเขา เวลาขวนขวายของเขา เห็นไหม

เรามาวัดมาวา มาวัดมาวา วัดที่เป็นวัดปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติ วัดนั้นเป็นวัฏฏะ ไอ้สิ่งที่สัตตะผู้ข้อง ไอ้วัดต่างๆ วัดนั้นมันเป็นประเพณีวัฒนธรรม แต่ไอ้นี่เรามาขีดเส้น ขีดเส้นอารมณ์ความรู้สึกของเรา ขีดเส้น ไม่ให้มันข้ามเส้น ถ้าไม่ให้มันข้ามเส้น นี่ไง เริ่มปฏิบัติแล้ว

ถ้าเริ่มปฏิบัติ เวลาเข้าไปสัปปายะ ๔ ที่ไหนที่เป็นสัปปายะ พอเป็นสัปปายะแล้วเขาสงวนรักษา เราสงวนรักษา เราเคารพในสถานที่ คนถ้าคนที่เป็นคุณงามความดีเขาเคารพตัวเขาเอง เขาเคารพตัวเขาเอง เขาก็ต้องเคารพกติกา เขาจะเคารพสถานที่นั้น

ในสถานที่นี้เป็นสถานที่ของผู้ทรงศีล ผู้ทรงศีลต้องการความสงบสงัด ผู้ทรงศีลเขาแสวงหาอย่างนี้ เราเข้าไปแล้วน่ะเราเคารพสถานที่ เราก็ไม่ไปก้างขวางคอ ไม่ไปทำให้สถานที่นั้นมันเป็นที่น่ารังเกียจ นี่ไง ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าปัญญามันเกิดขึ้นไง

งานของท่านเสร็จหรือยัง งานของท่านเสร็จหรือยัง ท่านจะไปเผยแผ่ธรรม เอาอะไรไปเผยแผ่ สมาธิเป็นอย่างไร

ว่างๆ

สมาธิคือจิตหนึ่ง จิตเป็นหนึ่งที่ไม่พาดพิงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นอิสระในตัวของมันเอง นั่นคือสัมมาสมาธิ ว่างๆ นั่นใครเป็นคนบอกว่าว่าง ไอ้ธาตุรู้มันพาดอารมณ์ว่าง เพราะอารมณ์อย่างอื่นเป็นอารมณ์ที่ทุกข์

เราก็บอกว่า พระพุทธศาสนาสอนให้ปล่อยวางให้ว่าง เราก็สร้างอารมณ์นั้น อารมณ์นั้นอารมณ์ว่าง เพราะมันเป็นตรรกะที่ใครๆ ก็คาดหมายได้ แล้วธาตุรู้นั้นก็พาดพิงกับอารมณ์นั้นไว้ แล้วมันบอกว่านั้นเป็นสมาธิ...เป็นสอง

คำว่า เป็นสอง” คือธาตุรู้ ธาตุรู้คือผู้รู้นั้นกับอารมณ์รู้นั้น อารมณ์ว่างๆ ก็คืออารมณ์ที่รู้ทั้งนั้น

นี่ไง มันว่างๆ ว่างๆ ว่างๆ อะไรของเอ็ง สมาธิก็ไม่รู้จัก

ถ้าสัมมาสมาธินะ ถ้าทำความสงบของใจๆ เข้ามา จิตนี้เรียกร้องความช่วยเหลือ คนเราเกิดมา เกิดมาเป็นชาวพุทธเราภูมิใจกันมาก ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญาๆ กิเลสมันก็ชอบ มันก็เอาปัญญามาล่อ เฮ้ย! เราไบรต์ สุดยอด...นี่กิเลสทั้งนั้น ความคิดอยู่ใต้กิเลสทั้งนั้น

เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาท่านสอนนะ โลกียปัญญา ปัญญาโลกๆ โลกียปัญญา ปัญญาเกิดจากจิตๆ ปัญญาเกิดจากความรู้สึกนึกคิดนี้ เกิดจากสัญญาอารมณ์ เกิดจากธาตุรู้นี่แหละ

จินตมยปัญญา ปัญญาจะมากน้อยขนาดไหน ถ้าขาดการจินตนาการ ขาดการกล้าหาญขึ้นมา มันไม่มีความสามารถที่จะเจาะเข้าไปนะ

ไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา นี่ไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา

จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเหมือนไข่ ไข่มันมีเปลือกไข่ทุกใบ ถ้าไม่มีเปลือกไข่มันจะเป็นไข่ไปไม่ได้ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ คนเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันมีเปลือกไข่ เปลือกไข่คือสันดานไง

สันดานของคนๆ บ้าห้าร้อยจำพวก ใครชอบสิ่งใดนั่นคือสันดานของมัน สันดานมันก็ครอบจิตมันไว้

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา

เราทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบ ถ้าใจมันสงบเข้ามา ไอ้ไก่ตัวนั้นมันมีกำลังพอหรือไม่ ปากของมัน เท้าของมันสามารถจะเจาะฟองเจาะไข่นั้นได้หรือไม่ มันมีการกระทำของมันนะ ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากจิตมันมหัศจรรย์มาก

คนที่ภาวนามาแล้วนะ จะซาบซึ้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ หลวงตาพระมหาบัว ท่านจะกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบแล้วกราบเล่าๆ กราบแล้วกราบเล่าเพราะอะไรล่ะ

วันนี้วันมาฆบูชา พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์มาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะอะไร ทำไมต้องมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์มีความสุขแล้วก็มีความสุขอยู่โคนไม้นั้นสิ ทำไมต้องมากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ท่านกราบแล้วกราบเล่า กราบที่ไม่มีตัวตน แต่จะกราบ ทำไมล่ะ จะกราบ จะกราบ นี่มันกราบด้วยหัวใจอันนั้น มันกราบด้วยความรับรู้อันนั้น มันกราบด้วยหัวใจที่ประเสริฐอันนั้น หัวใจที่ประเสริฐ พระพุทธศาสนามีค่าอย่างนี้

วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสำคัญ แต่คนไม่สำคัญ

คนจะสำคัญคนต้องขวนขวายต้องมีการกระทำ กระทำให้มันเป็นความจริงของเราขึ้นมา

ทีนี้ในป่า ไม้เบญจพรรณมันมาก ไม้แก่น ไม้มีคุณภาพมันน้อย

นี่ก็เหมือนกัน สังคมๆ ของเรานะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะบรรลุธรรม ทุกคนจะตรัสรู้ธรรม เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะอะไร

เพราะเขาบอกว่า “โอ๋ย! อย่าเขียนเสือให้วัวกลัว นรกสวรรค์ไม่มี ชาตินี้ชาติสุดท้าย มีชาติเดียว ไม่มีชาติอื่นแล้ว”

ถ้าชาติสุดท้ายนะ มีชาติเดียวนะ คนเกิดมาต้องเหมือนกันหมด สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย พ่อแม่เป็นพ่อแม่คู่เดียวกัน ลูกออกมามันคิดไม่เหมือนกันสักคนหนึ่ง ประชาธิปไตย ก็พ่อแม่คนเดียวกัน ลูกก็ต้องออกมาเหมือนกันสิ

นี่เวรกรรมของมันไง แล้วมันจะให้คิดเหมือนมัน เป็นไปไม่ได้

ผู้ที่มีการศึกษานะ เวลาพ่อแม่มาวัดเขามากราบพระ พ่อแม่เขามาเล่าให้เราฟัง ลูกมันต่อต้าน “กราบทำไมน่ะทองเหลือง กราบทำไมน่ะอิฐหินทรายปูน”

แล้วเขาก็พาลูกเขามาหาเราไง เราบอกว่า สิ่งที่คน กระพี้ เปลือก ถ้ามันไม่มีสติปัญญา ให้เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์คืออะไร นี่มันสัญลักษณ์ ทองเหลืองทองแดงเขาไปทำอุตสาหกรรมมหาศาล แต่นี้เป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไหว้ถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงปัญญาคุณ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วไม่สอนใครก็ได้ พระอรหันต์มีความทุกข์หรือ พระอรหันต์อยากดังหรือ พระอรหันต์อยากให้คนนับถือหรือ ไม่มี ไม่มีหรอก แต่ทำไมท่านทำล่ะ

นี่ด้วยเมตตาของท่าน ด้วยเมตตา ด้วยปัญญาของท่าน ด้วยอำนาจวาสนาบารมีของท่าน แล้วมันได้สร้าง ได้สร้างมา ๒,๐๐๐ กว่าปีนะ อาณาจักรหลายอาณาจักรมากเลยที่นับถือพระพุทธศาสนาที่เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แล้วได้ล่มสลายไป ได้ล่มสลายไป ดูสิ บุโรพุทโธสิ ดูศรีวิชัยสิ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนามันได้ย่อยสลายไปหลายอาณาจักรแล้ว นั่นมันคืออะไรล่ะ

นี่ไง ที่ว่าสัญลักษณ์ แค่นี้เราสร้างไม่ได้ใช่ไหม เรากราบไม่ได้ใช่ไหม หัวใจของเอ็งทำไมมันปิดไปด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากไม่ยอมรับคุณธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แค่จะกราบสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงให้หัวใจได้ชื่นบาน ให้หัวใจเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เอ็งจะมากีดมาขวางทำไม

เอ็งมากีดมาขวางด้วยสติด้วยปัญญาของเอ็งด้วยอวดรู้ว่าไอ้นี่เป็นทองเหลือง ไอ้นี่เป็นอิฐหินทรายปูน

อิฐหินทรายปูนที่เขาไปสร้างเป็นโถส้วมมันก็เป็นที่ไว้ขี้ไง

แต่อิฐหินทรายปูนที่เขาสร้างไว้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราระลึกถึง ให้เรากราบของเรา ให้ได้ความชุ่มชื่นในหัวใจของเรา เห็นไหม

นี่ไง คนเราทุกคนจะเป็นพระอรหันต์ไปหมดเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ด้วยสันดาน ด้วยจริตนิสัยนี่ไง พันธุกรรมของจิตที่มันได้ตัดแต่งของมันมา มันได้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมา มันได้สร้างเวรสร้างกรรมมา ได้สร้างความบาดหมาง สร้างความอาฆาตมาดร้ายฝังไปในใจนั้นมา ฝังในใจมันเป็นสันดานนั้นมา นี่ไง นี่จริตนิสัยๆ พันธุกรรมของจิตๆ แล้วจะให้มันสะอาดบริสุทธิ์โดยอะไร

โดยมรรคนะ โดยการกระทำของคนคนนั้นนะ แล้วคนคนนั้นมีความรู้สึกนึกคิดแบบนี้ มีความต่อต้านกีดขวางอย่างนี้

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา ภาวนามยปัญญาคือทวนกระแสกลับเข้าไปในจิตของตน นี่มันเป็นความมหัศจรรย์

พลังงานที่ทวนกระแสกลับ พลังงานที่ย้อนกลับเข้าไปทำลายต้นเหตมีที่ไหน

มีในพระพุทธศาสนา มีในหัวใจของคน มีในภาวนามยปัญญา นี่ไง เคยเห็นไหม เคยรู้จักไหม บุคคลถึงไม่สำคัญไง

ถ้าไม่มีมรรคมีผล สุภัททะจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานไง “สุภัททะ เธออย่าถามให้มากไปเลย ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล”

ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล เห็นไหม ถ้าในหัวใจเขาไม่มีมรรค เขาจะเป็นผลขึ้นมาได้อย่างไร อย่ามาถามให้เสียเวลา ถ้าเขาไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นของเขา

เพราะภาวนามยปัญญามันเกิดอย่างไร ถ้าไม่รู้ไม่เห็นพูดไม่ได้ ที่พูดๆ มาปัญญาโลกๆ ทั้งนั้นน่ะ ปัญญาแบบศาสตราจารย์ดอกเตอร์น่ะ โอ้โฮ! ไปเถอะ พูดได้ห้าวันห้าคืน ความรู้เยอะ อธิบายศาสนานี่ โอ้โฮ! ละเอียดลึกซึ้ง แต่ไม่เข้าสู่สัจจะความจริง

นี่ไง ศาสนานี้มหัศจรรย์ ศาสนานี้มีความสำคัญ แต่คนไม่มี

คนที่นกแก้วนกขุนทองไง ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจำธรรมวินัยไว้ๆ ทรงจำไว้เพื่อประพฤติปฏิบัติ แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้มันรู้จริงขึ้นมา อย่าเป็นนกแก้วนกขุนทอง

ศาสนาที่มันทวนกระแสกลับ ภาวนามยปัญญาที่เข้าไปชำระปฏิสนธิจิต

อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเกิดดับทั้งนั้นน่ะ จิตใต้สำนึก จิตก่อนสำนึก นี่เรื่องหยาบๆ ทั้งนั้นน่ะ เวลาเข้าไปสู่สัจจะความจริงมันไปเห็นความมหัศจรรย์อันนั้นมันถึงจะรู้จักความจริงไง

วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ไม่ใช่วันสำคัญของคน เว้นไว้แต่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ องค์ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติสำรอกคายกิเลสในใจของท่านสิ้นแล้ว

เพราะท่านเป็นพระอรหันต์ จิตใจที่นุ่มนวล จิตใจที่ดีงามระลึกถึงบุญคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงบุญคุณอันนั้น ไม่ได้นัดไม่ได้หมาย เข้าไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงเป็นวันสำคัญของคนที่ใจเป็นธรรม ใจที่เป็นธรรมกับสัจธรรมนั้นมันจะเข้ากัน

ใจที่เป็นกิเลส เป็นกระพี้ เป็นเหลือบที่ไปเกาะกินศาสนา มาเกาะกิน มาดูดน้ำจากต้นพระพุทธศาสนา

ฉะนั้น ศาสนานี้สำคัญมาก แต่บุคคลไม่สำคัญ เว้นไว้แต่บุคคลที่ใจเป็นธรรมแล้วเห็นคุณธรรม เห็นเมตตาธรรม เห็นความเป็นไปขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนคนนั้นถึงจะมีความสำคัญ เอวัง